วันวาเลนไทน์ : ความรักฮอร์โมนความสุข ความผูกพัน

วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่บางคนอยากบอกรักกัน โดยเฉพาะวัยรุ่นหนุ่มสาว คนโสดทั้งโสดสนิท และไม่สนิท หรือคนเคยมีความรัก แต่เลิกกันแล้ว แต่หลายคนก็หมดหวังไปแล้ว หรือบางคนมีรักอยู่แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ความรัก หรืออะไรกันแน่หนอ

จริงๆ ไม่ต้องหมดหวังหรอกทุกคน เพราะความรักในความเข้าใจของหลายๆ คนแบบหนุ่มสาว ยิ่งรอยิ่งไม่มา ยิ่งไขว่คว้ายิ่งหายาก แต่มักจะมาแบบไม่ทั้งตั้งตัว เพราะเป็นทั้งเรื่องชะตาโชคของแต่ละคน การกระทำของเรา แต่ที่แน่ๆ คือรักครอบครัวเป็นเรื่องที่ไม่ต้องรอ แล้วเมื่อมีความรักแล้ว ดีต่อร่างกายยังไงบ้าง ตอบได้เลยว่าดี และไม่จำเป็นต้องมีความรักแค่เฉพาะมีแฟนมีสามี มีภรรยา มีคู่เท่านั้น แต่ยังมีความรักในครอบครัว พ่อแม่ ลูกหลาน พี่น้อง เพื่อน รวมไปถึงน้องหมาแมวของเราก็ดีหมด เพราะทำให้เรามีความสุข ความพอใจ โดนไม่ต้องรอเฉพาะบอกรักในวันวาเลนไทน์ทำไมถึงมีความสุขและความพอใจ อธิบายได้จากข้อมูลที่นักจิตวิทยาและข้อมูลตำราทั้งหลายว่าความรักกับสารเคมี และฮอร์โมนนั้นเป็นอย่างไร มีคำอธิบายว่า เมื่อมีความรัก ร่างกายจะมีสารเคมีที่เป็นฮอร์โมนความรักที่ชื่อว่า โดปามีน Dopamine ที่จะหลั่งออกจากสมองออกมาเมื่อมีความสุข ความพึงพอใจ ความรักใคร่ชอบพอมีนอร์อีพิเนฟริน Norepinephrine หลั่งออกมา ที่มีประโยชน์ เพราะเมื่อมีความเครียด ฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกมาสู้เครียด จะสังเกตได้เมื่อเครียดหัวใจจะเต้นเร็ว และเป็นตัวสื่อสารระหว่างเส้นประสาท

จากความรัก ส่วนใหญ่จะเกิดความผูกพัน (ลองเช็คดูว่าตัวเองรักและผูกพันหรือไม่ หรือแค่รักอยากเป็นเจ้าของกันแน่) ถ้ารักระดับผูกพันก็ จะหลั่งฮอร์โมนความรักที่ชื่ออ็อกไซโทนิน Oxytonin และ วาโซเพรสซิน Vasopressin  ทำให้เกิดความรู้สึกอยากทะนุถนอมกันและกันส่วนความรักแบบหนุ่มสาวที่เกี่ยวกับเซ็กส์ หลายคนรู้จักอยู่แล้ว คือ เกิดจากเทสโทสเตอโรน Testosteroneในผู้ชาย และเอสโทรเจน Estrogen ในผู้หญิง ที่วัยรุ่นหนุ่มสาวฮอร์โมนนี้จะพุ่งเร็ว จึงควรดูใจกันนานๆ

ที่มา : ของวันวาเลนไทน์ ( Valentine’s day)

ทุกวันที่ 14 กุมภาพันธ์เป็นวันวาเลนไทน์ ชาวคริสต์ทั่วโลกมีการแลกเปลี่ยนลูกอม ดอกไม้ และของขวัญระหว่างคนที่คุณรัก ทั้งหมดนี้ในนามของเซนต์วาเลนไทน์

วาเลนไทน์คือใคร : เป็นนักบวชที่รับใช้ในกรุงโรมในช่วงศตวรรษที่สาม เมื่อจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ตัดสินใจว่าชายโสดเป็นทหารได้ดีกว่าชายที่แต่งงานและมีครอบครัวแล้ว นั่นทำให้พระองค์ทรงห้ามการแต่งงาน  แต่นักบุญวาเลนไทน์ได้ตระหนักถึงความอยุติธรรมของพระราชกฤษฎีกานี้ จึงได้ต่อต้านข้อห้ามนี้ และได้ท้าทายโดยยังคงดำเนินการแต่งงานให้กับคู่รักหนุ่มสาวอย่างลับๆ เมื่อทางการพบการกระทำของนักบุญวาเลนไทน์ ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 สั่งประหารชีวิตผู้ฝ่าฝืน  แม้ว่าความจริงเบื้องหลังตำนานวาเลนไทน์จะยังไม่ค้นพบความจริงทั้งหมด มีเพียงเรื่องราวที่เล่าต่อๆกันมา

แต่เรื่องราวทั้งหมดในยุคกลางแสดงให้เห็นถึงความมีเสน่ห์ ความดี ความกล้าหาญ และที่สำคัญที่สุดคือความโรแมนติก  วาเลนไทน์จึงกลายเป็นหนึ่งในนักบุญที่โด่งดังที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส

ขอบคุณช้อมูลที่มา : https://www.history.com/