สธ. เริ่มฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป LAAB กลุ่มเสี่ยง ที่ไหนบ้าง

สธ. ร่วมรณรงค์ฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป LAAB ในกลุ่มเป้าหมายเสี่ยง ณ รพ.ราชวิถี และ รพ.ในสังกัดกรมการแพทย์ 35 แห่ง

วันนี้ (วันที่ 27 ธันวาคม 2565) ที่โรงพยาบาลราชวิถี นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เป็นประธานเปิดงานรณรงค์การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นและภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Long Acting Antibody หรือ LAAB) ในกลุ่มเสี่ยง พร้อมทั้งนายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (รับมอบหมายจากอธิบดีกรมควบคุมโรค) นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี และผู้บริหารโรงพยาบาลราชวิถีเข้าร่วมงาน

นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมการแพทย์ เป็นหน่วยงานซึ่งมีภารกิจและพันธกิจในด้านการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรอย่างไร้รอยต่อ และการดูแลรักษาผู้ป่วยแบบบูรณาการ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้บุคคลทั่วไป รวมถึงการเร่งฉีดวัคซีน LAAB ให้กับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงซึ่งอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ สำหรับข้อบ่งใช้ของ LAAB นั้น ช่วงระยะแรกเน้นกลุ่มผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง จากนั้นได้มีการทบทวนให้ขยายไปใช้กลุ่มที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ทั้งกลุ่มที่ได้รับยารักษาที่กดภูมิคุ้มกัน เช่น มะเร็ง HIV เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยามากขึ้น รวมถึงผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ได้รับวัคซีนนานเกิน 6 เดือน โดยวันนี้โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ 35 แห่งได้มีการรณรงค์ให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามารับบริการ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ ผู้สนใจสามารถสอบถามแพทย์ประจำตัว หรือลงทะเบียนผ่าน โรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อเข้ารับการบริการ

นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเสริมว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแบบเริ่มชะลอตัวลง ยังจะพบการระบาดในลักษณะ Small Wave โดยกลุ่มที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด 19 สูงสุดเป็น กลุ่ม 608 (ร้อยละ 95) ทั้งหมดเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย หรือไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือน ดังนั้นการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันในกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มเปราะบางจึงมีความสำคัญ เนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มนี้จะตอบสนองต่อวัคซีนได้น้อยกว่าคนทั่วไป การฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปหรือ LAAB จะทำให้ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อโควิด 19 ได้สูงทันทีภายหลังฉีด ทำให้เกิดประโยชน์อย่างมากในการลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยนี้ ในกลุ่มที่ฉีดไปแล้วพบผลข้างเคียงน้อยมาก แต่ประสิทธิภาพพบสามารถป้องกันโควิด 19 ได้ถึง 80% ในระยะ 6 เดือน ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้จัดเตรียม LAAB ไว้เพียงพอสำหรับให้บริการกลุ่มเป้าหมาย

ด้านนายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเสริมว่า โรงพยาบาลราชวิถีได้ให้การดูแลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบางเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยงสูงต่อการป่วยหนักและเสียชีวิตหากติดเชื้อโควิด19 วันนี้จึงได้มีการรณรงค์ให้กลุ่มเป้าหมายดังกล่าว ให้เข้ามารับบริการการฉีด LAAB โดยได้มีกิจกรรมการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายโดยผู้เชี่ยวชาญ เร่งสื่อสารให้แพทย์ที่รักษาผู้ป่วยช่วยประชาสัมพันธ์ให้รับรู้ และใช้กลยุทธ์เชิงรุกเชิญชวนในกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคไต โรคมะเร็ง โรคปอดโรคหัวใจ หรือกินยากดภูมิต้านทาน ที่อยู่ระหว่างรอรับบริการรักษาตามหอผู้ป่วยต่างๆ ให้เข้ารับการฉีด LAAB เพื่อช่วยลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น

 

ที่มา
https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=30774&deptcode=brc