การคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูหนาวของประเทศไทยจากกรมอุตุนิยมวิทยา
เริ่มประมาณปลายเดือนตุลาคม 2566 จนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์2567
ฤดูหนาวของประเทศไทยปีนี้ คาดว่าบริเวณประเทศไทยตอนบน จะเริ่มประมาณปลายเดือนตุลาคม 2566 ซึ่งจะช้ากว่าค่าเฉลี่ยปกติประมาณ 2 สัปดาห์และจะสิ้นสุดประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ค่าอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยบริเวณประเทศไทยตอนบนประมาณ 21 – 22ซ. ซึ่งจะสูงกว่าค่าปกติประมาณ 1.5ซ.(ค่าปกติ 19.9ซ.) และจะมีอากาศหนาวเย็นน้อยกว่าปีที่ผ่านมา
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว หากไม่มีการดูแลสุขภาพที่ดีก็จะทำให้ร่างกายเสี่ยงป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอย่างไข้หวัดใหญ่ และถ้าไม่มีการป้องกัน ก็อาจกลายเป็นโรคหลอดลมอักเสบและโรคปอดบวมได้ดังนั้น มาทำให้หนาวนี้เป็นหนาวที่สุขภาพดีไม่มีโรค ควรหันมาใส่ใจดูแลตัวเองเพียง 8 ข้อ ดังนี้
- สวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ และควรหลีกเลี่ยงเสื้อกันหนาวมือสองเพื่อลดความเสี่ยงต่อเชื้อโรคแต่ถ้าจำเป็นก่อนนํามาสวมใส่ต้องซักทําความสะอาดหลายๆ ครั้งหรือนํามาต้มด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิสูง กว่า 60 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาทีถึง 1 ชั่วโมง จากนั้นนําไปตากแดดจัดเพื่อฆ่าเชื้อโรคและป้องกันการอับชื้น ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย
- เด็กทารกควรได้กินนมแม่เป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน และการให้ลูกดูดนมแม่จากเต้าบ่อยๆ ช่วยลดอาการปากแห้งแตกได้เพราะนมแม่มีน้ำเพียงพอ รวมทั้งการได้กอดลูกให้นมลูกวันละ 6-8 ครั้ง ยังเป็นการถ่ายทอดความรักความอบอุ่นไปถึงลูกได้อีกด้วย
- รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก วิตามินเอและวิตามินซีสูง เน้นโปรตีนจากปลาไก่ หมูไม่ติดมันและหนัง เช่น เกาเหลาเลือดหมูไม่ใส่เครื่องในไข่ตุ๋น ปลาทอด ผัดฟักทองใส่ไข่ผัดผักบุ้งและผัดผักอื่นๆ ผลไม้ เช่น มะละกอส้ม ฝรั่ง มะขามป้อม สับปะรด อาหารว่าง เช่น มันต้มใส่ขิงร้อนๆ นมพร่องไขมันอุ่นๆ ถั่วเขียว ต้มน้ำตาลขนมกล้วยและขนมตาล ซึ่งอาหารเหล่านี้จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากแป้งและไขมัน ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นยิ่งขึ้น
- ยึดหลักกินร้อนช้อนกลางล้างมือ คือกินอาหารเป็นอาหารค้างมื้อต้องเก็บไว้ในตู้เย็นและนำมาอุ่นด้วยที่ปรุงสุกใหม่หรือหาอาหารค้างมื้อต้องเก็บไว้ในตู้เย็นและนำมาอุ่นด้วยความร้อนอย่างทั่วถึงทุกครั้งก่อนรับประทานใช้ช้อนกลางทุกครั้งเมื่อต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้งก่อนและหลังรับประทานอาหารและหลังใช้ส้วม
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30 นาที ด้วยวิธีง่ายๆเช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ขี่จักรยาน เล่นกีฬาที่สร้างการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เช่น รำมวยจีนหรือทำงานบ้านอย่างกวาดบ้าน ถูบ้าน เป็นต้น
- รักษาความชุ่มชื้นของผิวโดยหลังควรทาโลชั่นหรือ น้ำมันทาผิวส่วนริมฝีปากควรทาด้วยลิปสติกมันและไม่ควรเลียริมฝีปากบ่อยๆ เพื่อป้องกันปัญหาริมฝีปากแตก
- ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำ ในเวลากลางคืนหรือ ถ้าไม่สามารถเลี่ยงได้ก็ควรมีการยืดเส้นยืดสายเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายก่อนอาบน้ำ
- ดื่มน้ำอุ่นเป็นประจำวันละ 6-8 แก้วและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ที่มา : กองส่งเสริมความรอบรู้และสื่อสารสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://borc.anamai.moph.go.th/th
กรมอุตุนิยมวิทยา