ประชากรอินเดียใกล้จะแซงหน้าจีนแล้ว

สัปดาห์ที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติได้แจ้งให้เราทราบว่าขณะนี้อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกแล้ว จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ ปัจจุบันอินเดียมีประชากร 1.428 พันล้านคน

 เทียบกับจีนที่ตอนนี้ที่มีจำนวน 1.426 พันล้านคน ปัจจัยหนึ่งเกิดจากการที่อัตราการเกิดของจีนลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยจำนวนประชากรลดลงในปีที่แล้วเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ค.ศ.1961

เมื่อจีนถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนไม่ได้แสดงท่าทีอะไร : เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้อมูลของ UN นั้นถูกต้องหรือไม่ 

กรมเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (DESA) ระบุว่า “อีกไม่นาน จีนจะลดสถานะในฐานะประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกจากที่ถือครองมายาวนาน

แต่ก็มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการประมาณการจำนวนประชากร วันที่เจาะจงที่คาดว่าอินเดียจะแซงหน้าจีนในด้านขนาดประชากรจึงเป็นเพียงค่าประมาณและอาจมีการแก้ไขได้” 

การคาดการณ์ประชากรอินเดียส่วนใหญ่อ้างอิงจากข้อมูลที่มีอายุหลายสิบปี เนื่องจากอินเดียไม่ได้ทำการสำรวจสำมะโนประชากรที่เหมาะสมมาตั้งแต่ปี 2011

ในบางแง่การสำรวจสำมะโนประชากรของอินเดียมีความแม่นยำยิ่งขึ้นในด้านขนาด ประสิทธิภาพในทุก ๆ 10 ปี อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 2020 อินเดียที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ทำให้เลื่อนการสำรวจสำมะโนประชากรออกไปและอ้างว่าตอนแรกจะเปลี่ยนเป็นสำรวจออนไลน์ เหมือนกับที่พยายามทำในสหรัฐฯ เป็นต้น แต่เมื่อสิ่งต่างๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติในอินเดียที่เหมือนกับที่อื่นๆ จึงไม่มีสัญญาณของการเตรียมการสำรวจสำมะโนประชากร ไม่ว่าจะทางออนไลน์หรือออฟไลน์

รัฐบาลปัจจุบันของอินเดียได้รับกับข้อมูลเกี่ยวกับประชากรค่อนข้างน้อย การสำรวจและการคำนวณต่างๆ ตั้งแต่บัญชีรายได้ประชาชาติไปจนถึงรูปแบบการบริโภคของครัวเรือนและข้อมูลการทำงานได้ถูกยกเลิกในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา

ประชากรในอินเดียขึ้นชื่อว่ามีความหลากหลาย การสำรวจสำมะโนประชากรเป็นคำตอบสุดท้ายเกี่ยวกับขนาดสัมพัทธ์ของกลุ่มต่างๆ 

ตัวเลขเหล่านี้ไม่เพียงกำหนดอำนาจในการเลือกตั้งในอินเดียที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการกระจายรัฐสวัสดิการและการบริการสาธารณะด้วย หากปราศจากการสำรวจสำมะโนประชากรที่แม่นยำ การกำหนดนโยบายของอินเดียก็เหมือนหนทางในความมืด

น่าเสียดายที่องค์ประกอบทางประชากรศาสตร์ของชาวอินเดีย เช่น วรรณะที่พวกเขาเกิด แหล่งที่อยู่อาศัย และการนับถือศาสนาใด กำลังเป็นที่ถกเถียงกันเป็นพิเศษ เช่นการพิจารณาจากระบบวรรณะ ตั้งแต่ ค.ศ. 1931 อินเดียได้กำหนดองค์ประกอบวรรณะที่แน่นอนของประชากร การกำหนดโควตางานและการศึกษาที่จัดสรรไว้สำหรับกลุ่มวรรณะต่างๆ และจากข้อมูลนั้น ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใดๆจากตัวเลขเหล่านี้ก็จะส่งผลกระทบต่อทางการเมืองที่อิงกับวรรณะอย่างแน่นอน และรัฐบาลก็ไม่เต็มใจที่จะทำการนับจำนวนประชากรใหม่อีก

เกี่ยวกับการนับถือศาสนา หากจำนวนชนกลุ่มน้อยเพิ่มขึ้น “มากเกินไป” จะมีเสียงโวยวายจากฝ่ายขวา และนักการเมืองจะบอกชาวฮินดูว่าพวกเขาตกอยู่ในอันตรายทางประชากรศาสตร์ได้ยากขึ้น

ในขณะเดียวกัน การสำรวจสำมะโนประชากรนี้เป็นขั้นตอนแรกในการจัดทำทะเบียนพลเมืองแห่งชาติ แต่เมื่อรวมกับการเปลี่ยนแปลงกฎหมายสัญชาติแล้วก็ทำให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ทั่วประเทศในปี ค.ศ. 2019 เนื่องจากกลัวว่าจะทำให้ชาวมุสลิมอินเดียจำนวนมากเป็นคนไร้สัญชาติ 

และที่อาจเป็นปัญหายิ่งกว่าคือตัวเลขสำหรับกลุ่มภาษาและแหล่งกำเนิดของรัฐ ตามการประมาณการของรัฐบาล ภายในปี ค.ศ. 2041 รัฐพิหารทางตอนเหนือจะมีประชากรเพิ่มจาก 50 ล้านคนเป็น 104 ล้านคน

และการสำรวจสำมะโนประชากรปี ค.ศ. 2011 รัฐทมิฬนาฑูทางตอนใต้จำนวนประชากรเริ่มหดตัวลง ซึ่งเป็นรัฐที่ถูกปกครองโดยพรรคระดับภูมิภาคที่เข้มแข็ง ภาษาพูดต่างจากภาคเหนือ และมีความร่ำรวยกว่ามาก

อย่างไรก็ตาม อัตราการมีบุตรในอินเดียก็ลดลงเช่นกัน เดิมในปี ค.ศ. 1950 ผู้หญิงหนึ่งคนจะมีลูกเฉลี่ย 5.7 คน ปัจจุบันก็ลดลงเหลือ 2.2 คน

ในเดือนพฤศจิกายน 2022 จำนวนประชากรโลกมีมากกว่า 8 พันล้านคนแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญก็มองว่า การเติบโตนั้นไม่ชะลอตัวกว่าในอดีต และปัจจุบันมีอัตราการเติบโตที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950

ที่มา https://www.bloomberg.com


จากเว็บไซต์  worldometers.info 

ประชากรโลกแบ่งตามศาสนา

จากการศึกษาล่าสุด (อ้างอิงจากจำนวนประชากรโลกในปี 2010 จำนวน 6.9 พันล้านคน) โดยThe Pew Forum มีดังนี้

  • คริสเตียน 2,173,180,000 คน (31% ของประชากรโลก) โดยเป็นคาทอลิก = 50% , โปรเตสแตนต์ = 37%,  ออร์โธดอกซ์  = 12% และ อื่นๆ 1%
  • มุสลิม 1,598,510,000 คน (23%) โดยเป็นซุนนี = 87-90% , ชีอะฮ์ = 10-13% 
  • ไม่นับถือศาสนา 1,126,500,000 (16%) : ผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า ผู้ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า และผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาใดโดยเฉพาะ หนึ่งในห้าคน (20%) ในสหรัฐอเมริกาไม่มีศาสนา
  • ชาวฮินดู 1,033,080,000 คน (15%) ซึ่งส่วนใหญ่ (94%) อาศัยอยู่ในอินเดีย
  • ชาวพุทธ 487,540,000 คน (7%) ซึ่งครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในประเทศจีน
  • นักศาสนาพื้นบ้าน 405,120,000 คน (6%) : ความศรัทธาที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มคน ชาติพันธุ์ หรือชนเผ่าใดกลุ่มหนึ่ง
  • ศาสนาอื่น ๆ 58,110,000  (1%) : ศาสนาบาไฮ, เต๋า, เชน, ชินโต, ซิกข์, เทนริเกียว, วิคคา, โซโรอัสเตอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • ชาวยิว 13,850,000 คน (0.2%) สี่ในห้าอาศัยอยู่ในสองประเทศ: สหรัฐอเมริกา (41%) และอิสราเอล (41%)

 

ประชากรโลก ณ ปี 2022 เติบโตในอัตราประมาณ0.84% ​​ต่อปี (ลดลงจาก 1.05% ในปี 2020, 1.08% ในปี 2019, 1.10% ในปี 2018 และ 1.12% ในปี 2017) การเพิ่มขึ้นของประชากรใน ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ67 ล้านคนต่อปี อัตราการเติบโตต่อปีถึงจุดสูงสุดในช่วงปลายทศวรรษ 1960 เมื่ออยู่ที่ประมาณ 2% อัตราการเพิ่มขึ้นเกือบครึ่งหนึ่งตั้งแต่นั้นมา และจะลดลงอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆ ไป ประชากรโลกจะยังคงเติบโตในศตวรรษที่ 21 แต่ในอัตราที่ช้าลงมากเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา ประชากรโลกเพิ่มขึ้นสองเท่า (เพิ่มขึ้น 100%) ใน 40 ปี จากปี 1959 (3 พันล้าน) เป็น 1999 (6 พันล้าน) ขณะนี้มีการประเมินว่าจะใช้เวลาอีกเกือบ 40 ปีในการเพิ่มขึ้นอีก 50% เพื่อให้เป็น 9 พันล้านภายในปี 2580 การคาดการณ์ประชากรโลกล่าสุดระบุว่าประชากรโลกจะสูงถึง 10,000 ล้านคนในปี 2057

อันดับ

ประเทศ

ประชากร

ในปี 2050

แบ่งปันโลก

อันดับเมื่อปี 2020

1 อินเดีย 1,639,176,033 16.8 % (2)
2 จีน 1,402,405,170 14.4 % (1)
3 ไนจีเรีย 401,315,000 4.1 % (7)
4 สหรัฐ 379,419,102 3.9 % (3)
5 ปากีสถาน 338,013,196 3.5 % (5)
6 อินโดนีเซีย 330,904,664 3.4 % (4)
7 บราซิล 228,980,400 2.4 % (6)
8 เอธิโอเปีย 205,410,675 2.1 % (12)
9 ดีอาร์ คองโก 194,488,658 2 % (16)
10 บังคลาเทศ 192,567,778 2 % (8)
11 อียิปต์ 159,956,808 1.6 % (14)
12 เม็กซิโก 155,150,818 1.6 % (10)
13 ฟิลิปปินส์ 144,488,158 1.5 % (13)
14 รัสเซีย 135,824,481 1.4 % (9)
15 แทนซาเนีย 129,386,839 1.3 % (24)
16 เวียดนาม 109,605,011 1.1 % (15)
17 ญี่ปุ่น 105,804,027 1.1 % (11)
18 อิหร่าน 103,098,075 1.1 % (18)
19 ตุรกี 97,139,570 1 % (17)
20 เคนยา 91,575,089 0.9 % (27)

Image by Freepik