ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ห่วงช่วงหน้าฝนเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้น เหตุจากถนนลื่น ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดีพอ ย้ำตรวจเช็กสภาพรถก่อนเดินทาง พร้อมแนะ 7 วิธีขับขี่ปลอดภัยช่วงฝนตกหรือมีน้ำขัง ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงฤดูฝน หลายพื้นที่มีฝนตกค่อนข้างหนัก ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดีพอ และหากขับรถด้วยความเร็วจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงรถลื่นไถล ทำให้บังคับรถไม่อยู่
ซึ่งจากรายงานของกองสาธารณสุขฉุกเฉินพบว่าช่วงนี้มีรายงานการเกิดเกิดอุบัติเหตุทางถนนบ่อยครั้ง หลายเหตุการณ์มีผู้บาดเจ็บต้องนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลจำนวนมาก บางเหตุการณ์ถึงขั้นเสียชีวิต
ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์รถกระบะบรรทุกคนงานยางระเบิดพลิกคว่ำบริเวณหน้าด่านศุลกากร ถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ต.ปัถวี อ.มะขาม จ.จันทบุรี ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บเบื้องต้น 14 ราย นำส่งรักษาที่โรงพยาบาลมะขาม ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 1 ราย ดังนั้น ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะในช่วงฤดูฝน โดยก่อนเดินทางให้ตรวจสอบสภาพรถและอุปกรณ์ต่างๆ ว่ามีความพร้อมต่อการขับขี่ เช่น ที่ปัดน้ำฝน ระบบไฟฟ้า ระบบยาง และระบบเบรก เป็นต้น
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ขณะฝนตกหรือถนนเปียก ไม่ควรขับรถเร็ว โดยเฉพาะช่วงที่ฝนตก 10 นาทีแรก รถจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มาก เนื่องจากน้ำฝนจะชะล้างคราบน้ำมันและฝุ่นละอองเกิดเป็นคราบฉาบอยู่บนผิวถนน ส่งผลให้รถลื่นไถลและเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุได้
สำหรับวิธีขับขี่ให้ปลอดภัยช่วงฝนตกและมีน้ำท่วมขังบนถนน คือ
1.ลดความเร็วการขับขี่ลงกว่าระดับปกติ เนื่องจากพื้นถนนที่เปียก รถจะใช้ระยะเบรกเพิ่มขึ้น ควรใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับสภาพถนนและระยะในการมองเส้นทาง จะช่วยให้สามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.เปิดไฟต่ำ เพื่อให้มองเห็นสิ่งต่างๆ บนถนนได้ชัดเจนขึ้น และรถคันอื่นมองเห็นรถของเราได้ในระยะไกล
3.ปรับระดับความเร็วของใบปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงของฝน เพื่อช่วยให้มองเห็นเส้นทางได้ตลอดเวลา
4.เว้นระยะห่างจากท้ายรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ อย่างน้อย 10-15 เมตร เพื่อให้มีระยะเบรกที่เพียงพอและปลอดภัย
5.หลีกเลี่ยงการแซง หากจำเป็นควรประเมินสถานการณ์ให้ดีก่อนแซง
6.กรณีที่รถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ไม่ควรเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนทันที อาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ควรใช้เกียร์ต่ำและค่อยๆ เบรก เพื่อลดความเร็ว แล้วจึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ
7.เมื่อต้องขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง ขอให้หยุดประเมินสถานการณ์ก่อน หากระดับน้ำสูงกว่าขอบประตูรถ ไม่ควรขับฝ่าไป ให้เลี่ยงไปใช้
และเรามีวิธีสังเกตุง่ายๆ ถ้าถนนมีโอกาสลื่นสูง คือ ถ้ามองเห็นพื้นผิวเป็นมันๆ ควรหลีกเลี่ยงหรือลดความเร็วทันที
วิธีป้องกันคือ ควรหาเวลา ตรวจสอบ สภาพอุปกรณ์ ให้พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเช็คสภาพยาง, ลมยาง, ระบบปัดน้ำฝน, ช่วงล่าง, ระบบไฟส่องสว่าง (ไฟหน้า ไฟสูง ไฟท้าย ไฟเบรค ไฟเลี้ยว ไฟกะพริบ), การมีสติขณะขับขี่, การเว้นระยะกับคันหน้าให้เพิ่มขึ้น เพราะถึงแม้สภาพยางรถยนต์ดีแค่ไหน การเบรคแรงๆ ทำให้เกิดโอกาสการไถลลื่นได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการเว้นระยะเผื่อไว้คือการป้องกันอุบัติเหตูได้เช่นกัน
ที่มา : https://pr.moph.go.th/